"คนพาล" เอาแต่ "ปัญญาฆ่าตัวเอง สังหารตัวเอง" นะ ไปเจออะไรก็มีแต่ภัยๆ แทนที่จะเป็นภัยต่อเขาตามที่ตนตั้งใจไว้ เช่น จะไปฆ่าเขานั่นก็คือฆ่าเรา จะไปไทำลายเขาก็คือทำลายเรา เพราะเรื่องของกรรมพระพุทธเจ้าสอนไว้นี้ประสานปุ๊บทันที พวกเราไม่เห็น จะมีพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ท่านเท่านั้นเห็นเรื่องความไหวของกรรมที่จะแสดงออก ประสานกันปุ๊บปั๊บ คือจะไปฆ่าเขาก็เท่ากับฆ่าเรา แน่ะ เข้าแล้วสวนแล้ว เราไปทำความดีก็ตามทำชั่วก็ตาม พอขยับที่จะทำความชั่วนี้อันนี้ขยับจะประสานกันแล้ว พอทำความชั่วปั๊บประสานปุ๊บแล้ว เข้าแล้ว ความชั่วเข้าเจ้าของ ทำความดีเหมือนกัน พอเคลื่อนปั๊บออกทำความดีปั๊บความดีเข้าแล้ว ๆ
อันนี้โลกไม่เห็น พระญาณของพระพุทธเจ้าทรงหยั่งทราบหมด นำสิ่งที่หยั่งทราบแล้วนี้มาสอนโลก โลกไม่เห็นโลกไม่รู้พระพุทธเจ้าเห็นพระพุทธเจ้ารู้ เพราะฉะนั้นจึงควรเป็นศาสดาของโลกละซี ถ้าเป็นสติปัญญาหูตาธรรมดาอย่างพวกเรานี้จะไปสอนโลกได้ยังไง โลกเขามีทุกคนสมบูรณ์บริบูรณ์ ตาเขาก็มี หูเขาก็มี จมูกมี ลิ้นมี กายมี ใจมี ปัญญาเขามี แต่สิ่งเหล่านี้ไม่เหมือนพระพุทธเจ้า คิดดูซิไปทอดพระเนตรเด็กเกิดใหม่พวกเราจะว่ายังไง ไปเห็นเด็กเกิดใหม่ ก็จะมีความตื่นเต้นดีใจไปกับเด็ก ทั้ง ๆ ที่เด็กคลอดออกมานั่นรอดตายนะ สลบไสลออกมาจากช่องแคบ แล้วก็ดีใจพวกเรา พระพุทธเจ้าไม่ทรงเป็นอย่างนั้น นั่นปัญญาของธรรมต่างกันอย่างนั้น นี่พระญาณที่หยั่งทราบกรรมของสัตว์
เพราะฉะนั้นศาสนาจึงสอนเรื่องกรรมลงเป็นอันดับหนึ่งเลย สัตว์เคลื่อนไหวไปมาตลอดเวลานี้คือการทำกรรมของสัตว์แล้ว จะรู้ก็ตามไม่รู้ก็ตาม ความเคลื่อนไหวของสัตว์ทางดีทางชั่ว เป็นความเคลื่อนไหวที่จะเป็นไปทางบาปทางบุญแล้ว ทีนี้พอมีสติสตังขึ้นมาก็ให้กำกับความเคลื่อนไหวของใจเรา มันจะเคลื่อนไหวไปทางไหน เคลื่อนไหวทางวาจา เคลื่อนไหวทางกายความประพฤติ ติดตามมันเรื่อยแล้วก็เอาประโยชน์จากนี้ รักษาเจ้าของได้ด้วยความเคลื่อนไหวของเจ้าของเองนั้นแล
.............................
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน