นำ ตร.เข้าห้องปฏิบัติธรรม ขัดเกลาจิตใจ ไม่ฆ่าตัวตาย
“รองต๋อย” โรงพักบางมดผุดไอเดียเจ๋ง นำโปลิศเข้าห้องปฏิบัติธรรมวิถีพุทธ สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ฟังธรรม ขัดเกลาจิตใจให้บริสุทธิ์-มีสติในการทำงาน และการใช้ชีวิตประจำวันป้องกันเหตุตำรวจฆ่าตัวตาย
สติมาปัญญาเกิด สติเตลิดจะเกิดปัญหา...ถือเป็นคำสอนทางพุทธศาสนาที่ถูกต้อง ทุกคนสามารถนำคำสอนดังกล่าวมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราขาดสติ การตัดสินใจกระทำบางสิ่งบางอย่างมันจะออกมาในแง่ลบทันที อย่างคดีต่าง ๆ ที่เกิดในสังคมทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นการทะเลาะวิวาท ฆ่ากันตาย ลัก-วิ่ง-ชิง-ปล้น หรือค้ายาเสพติด คนเหล่านี้ล้วน ไม่มีสติ ขาดการยั้งคิด ไม่เคยมองว่าสิ่งที่ทำจะส่งผลลัพธ์อย่างไรกับตัวเอง
อย่างไรก็ตามคนเหล่านี้ (บางคน) ก็อาจเรียกสติกลับคืนมาได้ หลังจากได้รับบทเรียน หรือโทษทัณฑ์ที่เขาได้ทำไว้...ส่วนคนที่ขาดสติแล้วก่อเหตุ “ฆ่าตัวตาย” คนกลุ่มนี้ไม่มีสิทธิตัดสินใจใหม่ หมดสิทธิเรียกร้องสติหรือชีวิตตัวเองกลับมาได้อีกเลย...
พูดถึงเรื่องการฆ่าตัวตายจะเห็นว่ามีบุคคลหลายอาชีพ หลายเพศ หลายวัยตัดสินใจก่อเหตุ ซึ่งเป็นเรื่องที่ น่าเศร้าใจอย่างยิ่ง อาชีพหนึ่งที่น่าเป็นห่วงเกี่ยวกับสถิติฆ่าตัวตายคือ “ตำรวจ” เนื่องจากอาชีพดังกล่าวมีความใกล้ชิด คุ้นเคย และพกติดตัวกับวัตถุที่ใช้ก่อเหตุคือ “อาวุธปืน” นั่นเอง...โอกาสจึงมีสูงกว่าชาวบ้านทั่วไป
จากปัญหาดังกล่าว “พ.ต.ท.ธวัชชัย ศรีสุรางค์” รอง ผกก.ป.สน.บางมด และหัวหน้าชุดจู่โจม บก.น.8 หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “รองต๋อย” เคยเป็นข่าวโด่งดังในโลกโซเชียลฯก รณีก้มลงไปเช็ดรองเท้าให้ลูกน้อง จึงเกิดแนวคิดตั้งโครงการ...ห้องจริยธรรม โรงพักบางมด ขึ้นมา
โดยมีจุดประสงค์เพื่อน้อมนำธรรมะเข้ามากล่อมเกลาจิตใจข้าราชการตำรวจทุกนายของโรงพักบางมด ปฏิบัติชอบตามคำสอนของ “พระพุทธเจ้า” เจริญสติ ฝึกสมาธิ ภาวนาให้รู้เหตุแห่งทุกข์ และวิธีการดับทุกข์ รู้จักการให้ การเสียสละ อยู่ในกรอบของศีลธรรมโดยไม่เบียดเบียนผู้อื่น เพื่อให้ตำรวจมีคุณธรรมในใจเป็นตำรวจอาชีพที่ดูแลทุกข์สุข และใกล้ชิดกับประชาชน, เพื่อสนองตอบนโยบายของผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ในด้านพัฒนาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และเพื่อ “ป้องกันตำรวจฆ่าตัวตาย” เนื่องจากเกิดภาวะความเครียด ...
บอกได้คำเดียวจุดประสงค์โครงการดีมาก ๆ แต่วิธีการล่ะ...“รองต๋อย” ทำอย่างไรกับโครงการ ลองไปฟังดู.... “พ.ต.ท.ธวัชชัย” เล่าว่า เห็นว่านอกจากการเตรียมความพร้อมด้านร่างกาย-อุปกรณ์ตามโครงการขัดเงาให้มีความพร้อมมากเท่าใดแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดจะขาดไม่ได้คือ การขัดเงาด้านจิตใจของผู้ปฏิบัติงาน จึงริเริ่มนำพระพุทธศาสนาที่ตัวเองศึกษาเข้ามาซ่อมแซมดูแลรักษาจิตใจผู้ใต้บังคับบัญชาให้ครบรูปแบบ ทั้งการขัดเงาภายนอก และขัดเงาภายในตามคติที่ว่า “จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว”
โดยทำโครงการเสนอ พ.ต.อ.ภูวนาถ ฤทธาเวช ผกก.สน.บางมด ก่อนอนุมัติเดินหน้าจัดทำ “ห้องปฏิบัติธรรมวิถีพุทธ” สน.บางมด บริเวณชั้น 3 ของโรงพัก ดำเนินการมาตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค.58 นำตำรวจสายตรวจ และเจ้าหน้าที่ธุรการทุกฝ่ายในโรงพักร่วมสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ และฟังธรรมร่วมกัน น้อมนำคำสอนของพระพุทธเจ้าเข้าสู่จิตใจ ขัดเกลา และเพิ่มเติมสมาธิให้กำลังพล มีสติในการปฏิบัติหน้าที่
“ช่วงเช้าทุกวันหลังเคารพธงชาติ จะนำเจ้าหน้าที่สายตรวจขึ้นปฏิบัติธรรม ก่อนปล่อยแถวลงพื้นที่ เป็นการสร้างสมาธิ จดจ่อต่อบทสวดมนต์อยู่กับตัวเอง เมื่อจิตใจนิ่งก็มีสติในการทำงาน และมีปัญญาในการปฏิบัติหน้าที่” “ศีล 5” สามารถนำมาปรับใช้กับการทำงานได้ เช่น ไม่เอาของคนอื่นมาเป็นของเรา...ก็จะไม่เกิดการรีดไถประชาชน ไม่มุสาว่ากล่าวเท็จ พูดจาไพเราะ ไม่ดื่มสุรา...ก็จะไม่เกิดปัญหาตำรวจทะเลาะวิวาท ไม่ประพฤติผิดในกาม...ก็ไม่ทำให้ชีวิตครอบครัวต้องพัง โดยให้มีสติ และศีลกำหนดตัวเรา
หากทำได้แบบนี้...สุดท้ายตำรวจก็จะเป็นที่รักของประชาชน อีกทั้งเชื่อว่า จะไม่มีเหตุการณ์ตำรวจยิงตัวตาย เนื่องจากการขาดสติแน่นอน
“อนาคตอาจมีการขยายแนวคิดนี้ไปสู่ชุมชน และอาจมีการปรับใช้กับผู้ต้องหาภายหลังที่ถูกควบคุมตัว เป็นการให้ทานอย่างหนึ่ง คือ ชี้ทางทุกข์ให้เห็น เกรงกลัว และละอายต่อบาป ขัดเกลาจิตใจก่อนถูกดำเนินคดี อาจได้ผลบ้างไม่มากก็น้อย ขึ้นอยู่กับตัวผู้ต้องหาเอง อย่างน้อยหากเขาคิดได้เชื่อว่าหากออกจากเรือนจำฯเขาไม่กลับไปทำผิดอีกแน่นอน
ทั้งนี้หลังมีคนทราบเรื่องโครงการดังกล่าวก็มีภาคเอกชน นักเรียน นักศึกษา และ กต.ตร.โรงพักอื่น ๆ มาขอดูแนวทางการปฏิบัติด้วย” โครงการนี้ดีหรือไม่ดีนั้น...เมื่อเรื่องราวทราบถึง “พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต” อดีต รอง ผบช.น. ซึ่งไปตรวจเยี่ยมถึงกับเอ่ยปากชมโครงการดังกล่าว พร้อมแนะนำ “พล.ต.ต.ฤชากร จรเจวุฒิ ผบก.น.8” ให้นำห้องปฏิบัติธรรมวิถีพุทธเป็นโครงการต้นแบบ ไปปรับใช้ในแต่ละสน.ในสังกัด บก.น.8 ด้วย
เห็นอย่างนี้แล้ว...ก็ต้องขอชมว่า เป็นโครงการดีมาก ๆ ขอบคุณ “รองต๋อย” ที่นอกจากจะเป็นตำรวจของประชาชนแล้ว ยังเป็น “นาย” ที่รักและเข้าถึง “ลูกน้อง” อย่างแท้จริง เป็นตำรวจที่สมควรยกย่อง...เก็บเข้าสู่แฟ้ม “คนดีของสังคม” อีกคนหนึ่ง.
ภาพและที่มา:
คอลัมน์ : คนดีของสังคม โดย “เหยี่ยวขาว” “
วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม 2558 เวลา 9:00 น.
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ออนไลน์
อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/article/357736