กลายเป็นที่สับสนเมื่อมีการแชร์ข้อความทางโซเชียลกันมากมาย โดยอ้างซินแสฮ่องกงและไต้หวัน บอกว่าปีนี้ไม่มีการไหว้ 'ไฉ่ซิงเอี้ย' หรือเทพเจ้าแห่งโชคลาภในคืนวันที่ 8 ก.พ. 59 เพราะเป็นที่ดวงดาว ดาวปี ดาวเดือน เป็นดาวแตกหมด หากไหว้แล้วจะทำให้เสียทรัพย์ โดยให้ไปไหว้วันที่ 22 ก.พ. 59 ช่วงเช้าตี 5 ถึงเวลา 06.45 น. ตั้งโต๊ะไหว้ 'ไฉ่ซิงเอี้ย' กลางแจ้ง เชิญโชคลาภเข้าบ้าน
ล่าสุด ไทยรัฐออนไลน์สอบถามไปยัง หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา หมอดูชื่อดังระดับประเทศ เจ้าของฉายา 'จอมเก็บสถิติ' ผู้เชี่ยวชาญโหราศาสตร์ไทย-จีน บอกว่ามีคนนำข้อความที่ถูกแชร์ต่อจากโซเชียลเรื่องวันไหว้ เทพเจ้า 'ไฉ่ซิงเอี้ย' ซึ่งยังสับสนว่าวันไหนกันแน่มากมายเช่นกัน แล้วยังพูดว่าห้ามใส่สีแดงในวันตรุษจีนด้วย โดยเป็นการแชร์แบบไร้ที่มาอ้างอิง ซึ่งทั้งหมดไม่เป็นเรื่องจริงแต่ประการใด
"การไหว้เทพเจ้า 'ไฉ่ซิงเอี้ย' หรือเทพเจ้าแห่งโชคลาภ เป็นประเพณีในแบบจีนที่จะนิยมทำในช่วงปีใหม่ เพื่อเป็นการเริ่มต้นปีด้วยความเป็นสิริมงคล คนจีนจึงทำให้เป็นเหมือน 'กุศโลบาย' ด้วยการให้ไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ เพื่อให้การเข้าปีใหม่มีแต่เรื่องดีๆ เรื่องมงคล เรื่องเงินทอง ความมั่งคั่ง ความร่ำรวย การไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภเปรียบเสมือนการ 'สวดมนต์ข้ามปี' ที่เรานิยมทำในวันที่ 31 ธันวาคมเข้าสู่ 1 มกราคมทุกปี"
สำหรับข้อความที่แชร์กันว่าห้ามใส่สีแดงในวันตรุษจีนไม่เป็นความจริง เพราะปีนี้เป็นปีลิงธาตุไฟ สีมงคลหลักเป็นสีแดง หรือสีส้ม นอกจากนี้ยังสามารถใช้สีของธาตุดิน เช่น สีเหลือง หรือสีทองเพิ่มเติมได้อีกด้วยเช่นกัน
ซินแสจอมพิธีกรรม ย้ำด้วยว่าการไหว้เทพเจ้า 'ไฉ่ซิงเอี้ย' ถือเป็นการขอพรในการเริ่มต้นปีใหม่ เพียงแต่ว่าหลักการของจีนในแบบจันทรคติ ปีนี้ตรงกับวันที่ 8 กุมภาพันธ์ หรือตรงกับวันตรุษจีนในปีนี้ โดยช่วงเวลาที่จะเข้าสู่ปีใหม่คือ 5 ทุ่ม ถึงตี 1 ซึ่งเราจะเห็นประเพณีการไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ นิยมไหว้ห้าทุ่มถึงตีหนึ่ง
ถามว่าทำไมต้องตีหนึ่ง เพราะว่าคนจีนจะบอกเวลาเป็นชั่วยาม 1 ชั่วยามเท่ากับ 2 ชั่วโมง ดังนั้นจึงเปรียบเสมือนชั่วยามแรกในการเข้าสู่ปีใหม่เพื่อให้เกิดความเฮง ความเป็นสิริมงคลชีวิต
ทั้งนี้ จะสังเกตได้ว่าของไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภนั้น ประกอบไปด้วย อาหารเจเป็นหลัก จะไม่เหมือนกับการไหว้ตรุษจีนที่มีเนื้อสัตว์เป็นหลัก สาเหตุเพราะว่าการเข้าสู่ปีใหม่ควรจะเร่ิมต้นด้วยการไม่เบียดเบียนสัตว์ จึงไหว้ด้วยอาหารเจ เช่น ผลไม้ เจไฉ่ 5 อย่าง (เห็ดหอม, เห็ดหูหนู, ดอกไม้จีน, วุ้นเส้น, ฟองเต้าหู้) แม้กระทั่งบัวลอยที่ต้มแบบจีน หรือเรียกว่าบัวลอยต้มแดง ดังนั้นใครที่บอกว่าให้ไปไหว้วันอื่นถือว่าเป็นการไหว้ 'ไฉ่ซิงเอี้ย' จริง แต่ไม่ได้ตรงกับคติของการสร้างความเป็นสิริมงคลในวันปีใหม่ของคนจีน
"ส่วนเรื่องที่ห้ามในการไหว้เทพ 'ไฉ่ซิงเอี้ย' นั้น ตามฤกษ์ดีนี้ห้ามทุบ ขุดเจาะ ต่อเติม ในวันที่ 7 ก.พ. ต่อวันที่ 8 ก.พ. เด็ดขาด และห้ามคนเกิดปีขาลเป็นคนที่ไหว้คนแรก เนื่องจากเป็นปีที่ชงเจ้าภาพ ซึ่งหลังจากไหว้เสร็จแนะนำให้ทุกคนนำของไหว้มากินเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยของไหว้ที่ห้ามกินคือ ของไหว้สัมภเวสีที่ใส่กระทงวางไว้ที่พื้น นอกจากนี้ หากใครที่กลัวในฤกษ์ยามการไหว้ก็อาจจะขยับเวลาออกไปตามปฏิทินจีนที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เป็นตอนตี 1 ถึง ตี 3 แต่เป็นวันเดียวกันก็ได้ตามสะดวก" หมอดูชื่อดังกล่าว
ผู้เชี่ยวชาญเรื่องจีนฟันธง แชร์มั่วไหว้เทพเจ้าโชคลาภวันที่ 22 ก.พ.
ขณะที่ อาจารย์ธนากร ตันอาวัชนการ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องประวัติศาสตร์ และตำนานจีน กล่าวว่า ที่คนให้ไปไหว้ 'ไฉ่ซิงเอี้ย' ในวันที่ 22 ก.พ.เพราะเที่ยงคืนวันที่ 7 ก.พ.ต่อวันที่ 8 ก.พ.หลายคนไม่กล้าไหว้ เนื่องจาก วัน เดือน ปีชงกัน 3 ตัว ซึ่งจริงๆ การคำนวณฤกษ์มี 2 ตัวอักษรจีนจะมี 'บน' และ 'ล่าง' ราศีบนมีทั้งหมด 10 ตัว เป็นเรื่องของฟ้ากำหนด ส่วนราศีล่าง เป็น 12 นักษัตร เป็นเรื่องของมนุษย์อย่างเราๆ ท่านๆ ซึ่งเจ้าวันปัญหา บังเอิญว่าปีนี้เป็นปีลิง วันลิง เดือนเสือ ซึ่งลิงกับเสือมันชงกัน แต่หากเราดูที่ตัวชงตัวล่างนั้นเป็นเรื่องของมนุษย์ชงกัน ซึ่งมนุษย์วุ่นวายอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า
"ส่วนที่มีหลายคนบอกให้ไปไหว้วันที่ 22 ก.พ. ไหว้ไฉ่ซิงเอี้ยนั้น เป็นวันมาฆบูชา ไม่เกี่ยวกับการไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภแต่อย่างใด ดังนั้นให้ไหว้ตามในวันที่ 7 ก.พ.เที่ยงคืนต่อวันที่ 8 ก.พ.ไปจนถึงตีหนึ่งถือว่าเป็นฤกษ์ดี หลีกเลี่ยงเวลาชง แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่วันที่ 22 ก.พ.แบบที่แชร์ๆ กันแน่นอน" ผู้เชี่ยวชาญเรื่องจีนกล่าวในที่สุด
สำหรับของไหว้ แนะนำให้เตรียมของไหว้เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต ประกอบด้วย?
1. องค์ไฉ่ซิงเอี้ย
2. แจกันดอกไม้สด 1 คู่
3. เทียนแดง 1 คู่
4. กระถางธูป 1 ใบ?
5. ธูป 3 ดอก ต่อหนึ่งท่าน
6. ชุดกระดาษเงิน-ทอง (เช่น กิมเต้างึ่งเต้า, เทียนเถ้าจี๊, ค้อซี, งิ่งเตี๋ย, กิมฮวย)?
7. ผลไม้ 5 อย่าง
8. ขนมอี๊ (สาคูแดงต้มสุก) 5 ถ้วย
9. น้ำชา 5 ถ้วย ?
10. เจไฉ่ 5 อย่าง (เช่น เห็ดหอม, เห็ดหูหนู, ดอกไม้จีน, วุ้นเส้น, ฟองเต้าหู้)
11.กระเป๋าสตางค์หรือของที่เกี่ยวกับการเงิน
ทั้งนี้ การจัดโต๊ะในการไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภปีนี้ โดยผู้ไหว้ควรหันหน้าไปยังทิศตะวันออก เนื่องจากเป็นทิศโชคลาภของวัน เมื่อได้เวลาฤกษ์จุดธูปเชิญองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภรับของไหว้ จึงขอพรได้ตามต้องการ เมื่อไหว้ครบทุกคนให้นำของไหว้ที่เป็นกระดาษไปเผา ย้ำอีกที สำหรับของไหว้ที่เป็นอาหารให้กล่าวลา และสามารถนำไปรับประทานเพื่อความเป็นสิริมงคลด้วย.
ไทยรัฐออนไลน์