พ่อเมืองตรัง นำทัพทวงพระพุทธสิหิงห์คืน หลังสูญหาย 33 ปี เบาะแส ชี้ อดีตปลัด มท.

นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า สืบเนื่องจาก พระพุทธสิหิงค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองตรัง สูญหายไปจากวัดหัวถนน ตำบลนาพละ อำเภอเมืองตรัง นับตั้งแต่เมื่อปี 2526 หรือเมื่อ 33 ปีที่แล้ว ชาวตรังได้ พยายามนำกลับมา แต่พบว่าล่าสุดมีข่าวว่า อยู่ในความครอบครองของอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยคนหนึ่ง  และเคยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อไปตรวจสอบ แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบหายไป เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานที่ชัดเจน กระทั่งล่าสุดตนได้เรียกกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนผู้เกี่ยวข้อง มาร่วมหารือกัน เพื่อติดตามพระพุทธสิหิงค์กลับคืนมา

"จากนี้ไปทุกวันพระ ตนได้ขอให้ชาวบ้าน และผู้ที่ศรัทธาต่อพระพุทธสิหิงค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองตรัง ที่สูญหายไปจากวัดหัวถนน ตำบลนาพละ อำเภอเมืองตรัง นับตั้งแต่เมื่อปี 2526 หรือเมื่อ 33 ปีที่แล้ว  ได้พร้อมใจกันสวดมนต์ นั่งสมาธิ เพื่ออธิษฐานขอให้ได้พระพุทธสิหิงค์ กลับคืนมาสู่เมืองตรังอีกครั้ง

ทั้งนี้ ก่อนที่พระพุทธสิหิงค์จะสูญหายไปนั้น มีข้อมูลจากอดีตกำนันตำบลนาพละ ซึ่งดำรงตำแหน่งในขณะนั้น  และตรงกับยุคที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยคนหนึ่งดำรงตำแหน่ง ซึ่งเป็นคนที่ชอบสะสมของเก่า โดยเฉพาะพระเครื่องเป็นอย่างมาก โดยระบุว่า มีรถแวนสีขาว เข้าไปในวัดหัวถนน พร้อมกับผู้ชาย 2-3 คน ซึ่งขณะนั้นมีเจ้าอาวาสอยู่เพียงรูปเดียว และต่อมาไม่นานพระพุทธสิหิงค์ก็สูญหายไป

อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ผู้ที่ครอบครองพระพุทธสิหิงค์องค์นี้ นำกลับมาคืนสู่จังหวัดตรัง ซึ่งคดีนี้หมดอายุความที่กำหนดไว้ที่ 20 ปีไปแล้ว  และหวังว่าเสียงเรียกร้องของชาวตรังในครั้งนี้ อาจจะดังไปถึงนายกรัฐมนตรี หรือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  เพื่อช่วยสืบสวนและติดตามพระพุทธสิหิงค์ เพราะชาวตรังเองคงทำอะไรไปไม่ได้มากกว่านี้

ด้าน พล.ต.ต.ดาวลอย เหมือนเดช ผบก.ภ.จว.ตรัง กล่าวว่า  เนื่องจากเรื่องนี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว จะต้องหาบุคคลที่สามารถชี้รูปพรรณของพระพุทธสิหิงค์ได้ว่ามีลักษณะอย่างไร เพราะการที่จะขอคืนในรูปแบบใดก็ตาม จะต้องยืนยันได้ว่าเป็นองค์จริงหรือไม่ จึงเสนอให้ทางจังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญขึ้นมา เพื่อสรุปรูปพรรณของพระพุทธสิหิงค์องค์จริงที่สูญหายไป ก่อนที่จะเดินหน้าหาทางติดตามกลับคืนมา

ขณะที่ นายกัมปนาท อินทร์ทองมาก ประธานชมรมพระเครื่องจังหวัดตรัง กล่าวว่า  ตนต้องการให้เรื่องนี้เป็นวาระของจังหวัดออกไปสู่ประเทศว่า เราต้องการพระพุทธสิหิงห์กลับคืนมา แล้วนำภาพไปติดไว้ตามจุดต่างๆ หรือทำข่าวกระจายออกไปให้มากที่สุด  เพราะคิดว่าผู้ที่เอาไปครอบครองคงเกิดความสงสารและน่าจะคืนให้  โดยตนเองไม่ได้มองที่อายุความ แต่มองว่าจะสร้างกระแสอย่างไรมากกว่า

ที่มา ข่าวสด

 
 

อ่านต่อ


Total View: 279
Post Date: 29 Apr 2016


เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ การเข้าชมเว็บไซต์นี้ต่อไปถือว่าท่านยอมรับคุกกี้บนเว็บไซต์และ  นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งหมดที่ระบุไว้