โดยเมื่อเวลา 07.00 น. นายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นประธานถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรมจากวัดระฆังโฆสิตาราม และวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ที่สวดพระอภิธรรมมาตั้งแต่เมื่อค่ำวันที่ 4 ม.ค. โดยมีคณะผู้บริหาร และข้าราชการในสังกัดสำนัก งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ร่วมเป็นเจ้าภาพ

เวลา 08.30 น. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ โปรดให้เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังนำเข็มกลัดโบสีดำไว้ทุกข์ตรงกลางติดเหรียญบาท ด้านหลังปลายริบบิ้นติดป้ายสีขาวมีข้อความ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ จำนวน 5,000 ชิ้น แจกจ่ายให้ประชาชนที่เดินทางมากราบถวายสักการะพระบรมศพ ที่บริเวณด้านหน้าประตูศรีสุนทร พระบรมมหาราชวัง สร้างความปลื้มปีติให้แก่ประชาชนเป็นอย่างยิ่ง

นางคำแพง ปุ่นทอง อายุ 62 ปี พสกนิกรจาก จ.เชียงราย เดินทางมาพร้อมนางสปัน ทัศนพยัคฆ์ อายุ 68 ปี ลูกพี่ลูกน้อง และนายเควิน บิ๊กช็อบ อายุ 67 ปี เพื่อนชาวอังกฤษ กล่าวทั้งน้ำตาภายหลังเข้ากราบถวาย สักการะพระบรมศพ ว่าเป็นบุญจริงๆ ที่ได้มีโอกาสเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ นึกถึงพระองค์ตลอดเวลา เมื่อเห็นพระบรมโกศแล้วน้ำตาไหลทันที บอกไม่ถูกว่าทำไม

ส่วนนางสปันกล่าวว่าพาเพื่อนต่างชาติไปท่องเที่ยวดอยช้าง จ.เชียงราย สมัยก่อนไม่ได้ขึ้นไปง่ายๆ แบบสมัยนี้ แต่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินเข้าไปช่วยเหลือชาวไทยภูเขา ที่แม้ว่าบางคนยังไม่มีเสื้อใส่ หรือพูดคนละภาษา แต่พระองค์ก็ไม่เคยทอดทิ้ง ทรงช่วยเหลือจนทำให้มีอาชีพ อยู่กับธรรมชาติได้อย่างมีความสุข

ขณะที่นางศิริมา บูชาวัง เดีรยช์ อายุ 61 ปี เป็นผู้ช่วยพยาบาลอยู่ประเทศออสเตรีย กล่าวว่ามาพักที่บ้านน้องสาว จ.สมุทร ปราการ เดินทางด้วยรถโดยสารมาตั้งแต่เวลา 05.00 น. และเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพ เวลา 13.30 น. ตั้งรกรากและสร้างครอบครัวที่ออสเตรียมาหลายปี ทราบข่าวการเสด็จสวรรคตของในหลวงรัชกาล ที่ 9 จึงตั้งใจมากราบถวายสักการะพระบรมศพสักครั้งหนึ่ง เมื่อได้ขึ้นไปกราบเบื้องหน้าพระบรมโกศรู้สึกปลาบปลื้มและตื้นตันใจ อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก ก่อนเดินทางกลับออสเตรียเดือนมี.ค. อยากจะมากราบถวายสักการะอีกสักครั้ง

“เสียดายไม่มีโอกาสชื่นชมพระบารมีในหลวงรัชกาลที่ 9 เลยสักครั้ง แต่ยังมีบุญวาสนาได้เข้าเฝ้าฯ รับเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ประเทศออสเตรีย ครั้งนั้นเสด็จฯ เป็นการส่วนพระองค์ และสถานทูตแจ้งคนไทยในต่างแดนได้เข้าเฝ้าฯ รับเสด็จ ส่วนสามีเป็นชาวออสเตรเลียรักและเทิดทูนในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่าเป็น พระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ทรงทำแต่สิ่งดีๆ ให้ประชาชน และเป็นพระมหากษัตริย์ที่คนต่างชาติทั่วโลกยกย่อง” นางศิริมากล่าว

นายประเสริฐ ชัยกาญจนาศักดิ์ อายุ 75 ปี เดินทางมาพร้อมกับนางจิตรา อายุ 72 ปี ภรรยา จากบ้านพักย่านพระโขนง กทม. กล่าวว่าจบคณะบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตอนที่เรียนได้มีโอกาสรับเสด็จพระองค์ท่านหลายครั้ง ขณะมาทรงดนตรี อีกทั้งตอนที่รับปริญญาเมื่อปี พ.ศ.2508 ได้รับพระราชทานจากพระหัตถ์ ครั้งนั้นเป็นครั้งเดียวที่จัดพิธีพระราชทานปริญญาบัตรภายในพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต เป็นความภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต

ด้าน 2 พี่น้องชาวเมืองสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว น.ส.แดง ภูมี อายุ 35 ปี เดินทางมาจากบ้านพักย่านบางนา กทม. พร้อมกับ น.ส.รุ่งนภา ภูมี อายุ 29 ปี กล่าวว่ามาทำงานอยู่ในประเทศไทยราว 20 ปี เป็นช่างเสริมสวย ตั้งใจมากราบถวายสักการะพระบรมศพนานแล้ว แต่เพิ่งมีโอกาสวันนี้ เพราะเจ้าของร้านให้หยุดงาน

“ย้ายจากประเทศลาวมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในหลวงรัชกาลที่ 9 ตั้งแต่อายุ 15 ปี จนมีครอบครัวอยู่ที่ประเทศไทย พระองค์ทรงงานหนักเพื่อช่วยเหลือประชาชนมาตลอด หลายครั้งที่เห็นข่าวยังอดน้ำตาไหลไม่ได้ ส่วนที่บ้านพักมีพระบรมฉายาลักษณ์พระองค์ท่านไว้กราบไหว้เสมอ” น.ส.แดงกล่าว

นางหน่องริด ศรีพรรัตนไตร อายุ 42 ปี ชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยง จาก ต.แม่โถ อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน กล่าวว่า อบต.ห้วยฮ่อม จ.แม่ฮ่องสอน คัดเลือกตัวแทนแต่ละหมู่บ้านมีทั้งชาวเขาเผ่าต่างๆ อาทิ กะเหรี่ยง มูเซอ ไทยใหญ่ และคนพื้นเมืองกว่า 700 คน เดินทางมากราบถวายสักการะพระบรมศพ ที่หมู่บ้านมากัน 3 คน ซาบซึ้งใจมากที่ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาต่อชาวไทยภูเขา ปัจจุบันมีอาชีพปลูกข้าวไร่และปลูกผักเลี้ยงครอบครัว

ต่อมาเวลา 10.30 น. นายสุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา พร้อมคณะผู้บริหาร และข้าราชการในสังกัด ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศล และถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จาก วัดราชสิทธาราม และวัดบวรนิเวศวิหาร จำนวน 8 รูป ที่สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ และพระสงฆ์ 10 รูป จากวัดทองนพคุณ, วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์, วัดบวรนิเวศวิหาร, วัดชัยศรี จ.ขอนแก่น, วัดศรีชมภู จ.นครพนม, วัดศรีมงคล จ.ลำพูน, วัดบางระโหง จ.นนทบุรี, วัดทองศาลางาม และวัดแคนอก จ.นนทบุรี

เวลา 15.08 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จพร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ มายังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ โดยมีพระพิธีธรรมจากวัดบวรนิเวศวิหาร และวัดราชสิทธาราม จำนวน 8 รูป สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ ในการนี้ มีคณะ ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่จากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ร่วมเป็นเจ้าภาพ

จากนั้นเวลา 16.00 น. ที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มหาเถรสมาคม ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จัดพิธีสวดพระพุทธมนต์ และเจริญจิตตภาวนาถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีพระพรหมมุนี กรรมการมหาเถรสมาคม เป็นประธานในพิธี และนายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส โดยใช้บทสวดสำหรับงานพิธีอวมงคล ทั้งสิ้น 15 บท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพิธีดังกล่าวมีพระเถรานุเถระในเขตกทม. จำนวนกว่า 400 รูป ประกอบด้วยกรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะฝ่ายปกครองในระดับต่างๆ ทั้งฝ่ายธรรมยุต และมหานิกาย ใช้เวลาสวดประมาณ 50 นาที ภายหลังสวดครบทั้ง 15 บทแล้ว คณะสงฆ์และฆราวาสสงบนิ่งเจริญจิตตภาวนา น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และถวายเป็นพระราชกุศล

นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวถึงความคืบหน้าการก่อสร้างพระเมรุมาศว่า จะทำหนังสือไปยัง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. เพื่อขอใช้พื้นที่บริเวณทิศเหนือของโรงขยายแบบและ ศูนย์ควบคุมการก่อสร้าง เพื่อก่อสร้างพระเมรุมาศและอาคารประกอบ เช่น พระที่นั่งทรงธรรม ศาลาลูกขุน

เมื่อเวลา 21.30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีพระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร สวดพระอภิธรรม

ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประชาชนเข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขณะทรงบำเพ็ญพระราชกุศล บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท นำมาซึ่งความปลื้มปีติเป็นล้นพ้นแก่พสกนิกรที่ได้เฝ้าฯ รับเสด็จอย่างใกล้ชิด

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/hot-topics/news_172707