ชื่อว่า ทรัพย์ ใครก็อยากได้ เพราะทรัพย์นั้น คล้ายกับแก้ว สาร พัดนึก สามารถดลบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเจ้า ของได้
ปัจจุบันนี้ คนมีทรัพย์ ใครๆ ก็นับเป็นญาติ ไปไหนมาไหนทุกคนก็เกรงใจให้เกียรติ ทุกคนจึงแสวงหาแต่ทรัพย์กัน วันหนึ่งๆ คนเราจะยุ่งอยู่กับธุระหน้าที่การงานเพื่อทรัพย์ทั้งนั้น คนไม่ขยันก็ไม่สามารถจะหาทรัพย์ได้ ต้องเป็นคนขยันเท่านั้น
คนขยันจะก้มหน้าก้มตาทำงานโดยไม่เกี่ยงว่า อากาศหนาวเกินไป ร้อนเกินไป ทำงานได้ทั้งนั้น ไม่ผัดวันประกันพรุ่งว่า เวลานี้เย็นแล้วแล้วพรุ่งนี้ค่อยทำเถอะ เวลานี้ยังเช้าอยู่สายหน่อยค่อยทำ ไม่บ่นว่า หิวมากขอกินก่อน กระหายนักขอดื่มก่อน
คนขยันต้องขยันในการทำงานที่เกิดขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของตนอย่างมีเกียรติ ไม่กินแรงหรือเอาเปรียบผู้อื่น คนพิการทางร่างกาย อวัยวะไม่สมประกอบ ไม่สามารถประกอบกิจในหน้าที่การงาน คือ ทำมาหากินได้ อย่างนี้สมควรจะได้รับความเมตตาจากผู้คน
คนขยันเท่านั้นจึงจะหาทรัพย์ได้ ความสำคัญของการที่ได้ทรัพย์มาแล้วจะทำอย่างไร จึงจะรักษาทรัพย์นั้นไว้ได้ ถ้าหากหามาได้แล้วเก็บไว้ไม่อยู่มันก็ไม่มีประโยชน์ เหมือนเอาภาชนะก้นกลวงไปตักน้ำ ตักได้น้ำเต็มภาชนะแล้วน้ำไม่อยู่จะมีประโยชน์อะไร
ประโยชน์ของการมีทรัพย์จึงอยู่ที่การรู้จักรักษาทรัพย์ที่หามาได้นั้นไว้ให้ได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้แนะวิธีรักษาทรัพย์ที่หามาได้ว่า "ผู้ขยันในหน้าที่การงาน ไม่ประมาท เข้าใจจัดการเลี้ยงชีวิตพอสมควร จึงรักษาทรัพย์ที่หามาได้" พระพุทธภาษิตบทนี้ ได้ตรัสสอนผู้ที่แสวงหาทรัพย์มาได้แล้ว จะรักษาทรัพย์นั้นไว้ให้ได้ จะต้องไม่ประมาทในทรัพย์นั้น
อย่างไรจึงได้ชื่อว่า ประมาทในทรัพย์ คนบางคนแสวงหาทรัพย์มาได้โดยง่าย เมื่อได้มาแล้วก็ใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย ไม่รู้จักเก็บเอาไว้ใช้ในยามคับขันจำเป็น ด้วยคิดว่า เงินทองจะเอาเท่าไรก็ได้ บางรายใช้จ่ายเกินตัว อย่างนี้จะมีเงินที่ไหนไปเก็บ การที่จะรักษาทรัพย์ไว้ได้อยู่ที่การรู้จักประหยัด รู้จักมัธยัสถ์ โดยนิสัยคนไทยเราเป็นคนใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ไม่ค่อยรู้จักประหยัด ชอบฟุ้งเฟ้อไปตามกระแสแฟชั่น อะไรที่ใหม่ๆ เข้ามาก็จะพากันนิยมชมชอบ ถึงแม้ราคาจะแพง ก็พยายามแข่งขันกันมีให้ได้
เข้าใจจัดการเลี้ยงชีวิตพอสมควร หมายความว่า ให้จับจ่ายใช้สอยเลี้ยงชีวิตให้พอเหมาะพอควรแก่ทรัพย์ที่หามาได้ ไม่ให้ฝืดเคืองจนเกินไป ไม่ให้ฟุ่มเฟือยจนเกินไป บางคนหามาได้ แทนที่จะนำทรัพย์นั้นมาใช้จ่ายให้มีความสุขบ้าง ก็เก็บไว้หมด แต่ตัวเองกลับอดอยาก อย่างนี้ก็ไม่ถูก หรือฟุ่มเฟือยเกินไป พอหามาได้ก็กินแต่อาหารแพงๆ ไม่พอเหมาะพอควรแก่ทรัพย์ที่หามาได้
การที่จะใช้จ่ายทรัพย์ที่หามาได้นั้น ต้องใช้จ่ายในสิ่งที่เป็นประโยชน์ คือ ใช้เลี้ยงตัวเอง บิดามารดา บุตรภรรยา และบริวารให้เป็นสุข ใช้เลี้ยงเพื่อนฝูงให้เป็นสุข ใช้บำบัดอันตรายที่เกิดแก่เหตุต่างๆ ใช้ทำพลีกรรม คือ สงเคราะห์ญาติ ทำบุญอุทิศให้ผู้ตาย เสียภาษีอากร เป็นต้น ทำบุญอุทิศให้เทวดา และบริจาคทานแก่สมณะชีพราหมณ์
ผู้ประพฤติชอบ ใช้จ่ายอย่างนี้จึงจะถูกต้อง จึงจะดี
พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร www.watdevaraj.com
ที่มา : http://www.onab.go.th/articles/บทความทางพุทธศาสนา/คนขยันย่อมหาทรัพย์ได้/