คุณเชื่อเรื่อง อานิสงส์จากการสวดมนต์ ไหม
เรื่องราว อานิสงส์จากการสวดมนต์ ต่อไปนี้เป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับ คุณวิชาญ ฤทธิรงค์ อดีตประธานชมรมพุทธศาสตร์ ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ด้วยกิจกรรมของชมรม ที่มีการนิมนต์พระสงฆ์มาเทศนา และสอนวิธีการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน สัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง หลังเลิกงาน คุณวิชาญจึงไม่ลืมที่จะนำแนวทางแห่งพุทธศาสนา มาปฏิบัติเป็นประจำทุกวัน นั่นก็คือการสวดมนต์
คุณวิชาญเริ่มฝึกการสวดมนต์ภาวนา ด้วยการสวดบทพาหุงและบทอิติปิโส ในจำนวนครั้งเท่ากับอายุตัวเองบวกหนึ่งจนจบ จากนั้นต่อด้วยบทแผ่เมตตา ให้เจ้ากรรมนายเวร และผู้ที่เคยโกรธเกลียดกันมาก่อน ยิ่งไม่ชอบหน้ากันมากเท่าไร คุณวิชาญก็ยิ่งสวดมนต์แผ่เมตตาให้เขามากขึ้นเท่านั้น
ผลของการสวดมนต์ ไม่เพียงทำให้คุณวิชาญได้รับความเมตตาจากคนที่เขาเคยโกรธ เคยไม่ชอบหน้าเท่านั้น ทว่าอานิสงส์ของการสวดมนต์ยังส่งผลไปถึงลูกสาวของคุณวิชาญที่อยู่ไกลถึงรัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย
เหตุการณ์ในครั้งนั้นเริ่มขึ้นจากวันหนึ่งลูกสาวคุณวิชาญโทรศัพท์มาจากอเมริกา เพื่อขอให้ผู้เป็นพ่อซื้อรถยนต์ให้ใช้ขณะอยู่ที่นั่น แต่คุณวิชาญปฏิเสธไปว่าไม่เห็นด้วย เนื่องจากลูกสาวเพิ่งย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ยังไม่คุ้นกับถนนหนทางดีนัก
หนึ่งเดือนผ่านไป หลังจากที่โครงการซื้อรถยนต์ต้องล้มเลิก คุณวิชาญก็ไม่ได้โทรศัพท์ไปหาลูกสาวอีกเลย แต่อยู่ๆ ขณะที่คุณวิชาญกำลังสวดมนต์ และภาวนาขอให้พระพุทธพระธรรม และพระสงฆ์คุ้มครองลูกสาว เช่นที่เคยปฏิบัติ จิตใจของคุณวิชาญกลับรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ไม่สงบนิ่งเหมือนครั้งก่อนๆ ทว่า คุณวิชาญก็พยายามควบคุมสติ แล้วเริ่มต้นสวดมนต์อีกครั้ง กลับไปกลับมาจนจบบท พร้อมด้วยลางสังหรณ์ที่เกิดขึ้นในใจว่า คงจะเกิดอะไรขึ้นสักอย่างกับลูกสาว ยิ่งคุณวิชาญได้เห็นข้าวของเครื่องใช้ และรูปของลูกสาวด้วยแล้ว ความรู้สึกคิดถึงลูกจับใจ ก็ผุดขึ้นมาอย่างประหลาด
เมื่อไม่ได้รับการติดต่อจากลูกสาว คุณวิชาญจึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปที่หอพักของมหาวิทยาลัย คนที่รับสายคือเจ้าหน้าที่หอพัก น้ำเสียงรีบร้อนบอกว่า จะไปตามลูกสาวให้มารับสาย จากนั้นไม่กี่นาที เสียงจากปลายสายก็ดังเข้ามาเป็นเสียงลูกสาวของคุณวิชาญอย่างที่คาด แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรกัน ลูกสาวก็ส่งสายต่อให้ผู้ประสานงานที่ทำหน้าที่ดูแลเด็กนักเรียนต่างชาติ
“คุณพ่อใจเย็นๆ อย่าเพิ่งดุลูกสาวนะคะ เธอกำลังตกใจอยู่ ”
ผู้ประสานงานเริ่มบทสนทนาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก พร้อมกับบอกว่า ลูกสาวคุณวิชาญเพิ่งรอดตายอย่างน่าอัศจรรย์จากอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันกลางสี่แยกของมหาวิทยาลัยโดยคู่กรณีที่ถูกชนนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บและความเสียหายแต่อย่างใด ส่วนลูกสาวคุณวิชาญนั้นมีเพียงแผลฟกช้ำดำเขียวเล็กน้อย แต่รถยนต์ที่ขับมานั้นขาดเป็นสองท่อน สภาพไม่ต่างจากเศษเหล็ก!
วันที่เกิดเหตุเป็นวันที่ลูกสาวคุณวิชาญแอบไปซื้อรถยนต์และเพิ่งขับออกมาทั้งๆ ที่ยังไม่มีประกันใดๆ ด้วยความรีบร้อนจะกลับให้ถึงมหาวิทยาลัยก่อนค่ำ ทำให้เธอขับรถด้วยความเร็วสูง เมื่อใกล้ถึงสี่แยกจึงไม่ทันระวังและฝ่าไฟแดงไปประสานงากับรถของอีกฝ่ายอย่างแรง จนรถที่ทำจากเหล็กชั้นดีฉีกเป็นสองท่อนตรงบริเวณหลังของคนขับพอดิบพอดีผู้ที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็กรูกันเข้ามาช่วยโดยที่ไม่คิดว่าจะมีใครรอดชีวิตจากอุบัติเหตุในครั้งนี้
แต่สิ่งที่ทำให้ผู้ที่มุงดูประหลาดใจเป็นอันมากก็คือภาพของลูกสาวคุณวิชาญที่ค่อยๆ ปลดเข็มขัดนิรภัยและก้าวลงจากรถโดยที่แทบจะไม่มีบาดแผลตามตัวเลยแม้แต่น้อย นอกจากสีหน้าที่แสดงอาการตื่นตกใจอย่างที่สุด
ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือ วันและเวลาที่เกิดเหตุตรงกับช่วงเวลาที่คุณวิชาญกำลังสวดมนต์และแผ่เมตตาให้ลูกสาวอยู่ที่เมืองไทยพอดิบพอดี!
เรื่อง นู๋กล้วย เรียบเรียงจากหนังสือ “กฎแห่งกรรม – ธรรมปฏิบัติ” เล่มที่ 10, หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม แห่งวัดอัมพวัน
หมายเหตุ : ภาพที่ปรากฏมิใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในเรื่อง
ที่มา : http://goodlifeupdate.com/healthy-mind/dhamma/40026.html