หมู สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์, เป็ด สื่อถึงความสามารถที่หลากหลายและความสำเร็จ, ไก่ สื่อถึงความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน, ตับ ซึ่งในภาษาจีนพ้องเสียงกับคำว่า กัว ที่แปลว่า ขุนนาง หมายถึง อำนาจวาสนา, ปลา หมายถึง เหลือกินเหลือใช้ หรือสามารถปรับไปไหว้เป็นกุ้ง

หรือในปีนี้เป็นปีหมูทอง สามารถเสริมด้วยด้วยการใช้ หมูกรอบ เพราะสีเหลืองทองคล้ายทองคำ เป็นสัญลักษณ์ของสิริมงคล ความร่ำรวย

ชุดไหว้โหงวแซ มหามงคลรับตรุษจีน

หมูกรอบทอง

ส่วน ชุดซาแซ คือเนื้อสัตว์ 3 ชนิด ได้แก่ หมู เป็ด ไก่

นอกจากนี้ยังมีอาหารและผลไม้ความหมายมงคล เช่น ขนมเข่ง หมายถึงความมั่งมี ปัจจุบันมีการเสริมสิริมงคลตามความเชื่อ ทำขนมเข่งรูปหมูสีทอง สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์และร่ำรวย รูปปลากิมหลีฮื้อ เพราะชาวจีนเชื่อว่า ปลาหลีฮื้อนำพาโชคลาภ ทำให้ค้าขายดี หรือรูปตำลึงเงิน ก็สื่อถึงโชคลาภทางด้านเงิน

ขนมเทียน หมายถึงความเจริญรุ่งเรือง, ขนมถ้วยฟู หมายถึงความมีชื่อเสียง, ซิ่วท้อ หรือซาลาเปาลูกท้อ สื่อถึงสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว

 

ซิ่วท้อ หรือซาลาเปาลูกท้อ และซาลาเปาที่ทำเป็นรูปลักษณ์ต่างๆเพื่อเสริมมงคล

ส่วน ชุดไหว้ผลไม้มงคล นิยมใช้ผลไม้ 5 ชนิด เพราะคนจีนถือว่าเป็นจำนวนมงคล โดยนิยมไหว้ผลไม้ที่มีสีสันสดใส เป็นสีมงคลช่วยเสริมพลัง อย่าง สีแดง สีส้ม สีเขียว ฯลฯ

โดยนิยมไหว้ผลไม้ ได้แก่ ส้ม ซึ่งคำจีนเรียก “ไต้กิก” แปลว่าโชคดี, แอปเปิลสีแดง หมายถึง ความสันติสุข, องุ่นแดง สื่อถึงความเจริญงอกงาม, กล้วยหอมหวีใหญ่ หมายถึง กวักโชคลาภเข้ามา และมีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง, ส้มโอทับทิมสยาม สื่อถึงความสมบูรณ์, เมลอน สื่อถึงการเจริญเติบโต และสาลี่ ประสบแต่เรื่องดีๆ มีเงินทองไหลมาเทมาเหมือนสีทองของสาลี่

ชุดผลไม้มงคล

ขนมเข่งหมูทอง ตำลึงเงิน ตำลึงทอง และขนมเข่งปลากิมหลีฮื้อ

ส่วนช่วงกลางคืนจะไหว้ เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย หรือเทพเจ้าแห่งโชคลาภที่ในหนึ่งปีจะมาเพียงครั้งเดียว ในช่วงเวลา 23.00 น. ของคืนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ไปจนถึงของเช้าวันที่ 5 กุมภาพันธ์ โดยให้หันหน้าไปทางทิศใต้ ซึ่งเป็นทิศที่เทพเจ้าจะเสด็จมาในปีกุนนี้ นิยมไหว้ด้วยผลไม้มงคลเช่นกัน โดยจะไม่ไหว้ด้วยของคาว

และเคล็บลับตอนไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย ให้นำกระเป๋าเงิน สมุดบัญชี บัตรเอทีเอ็ม ของที่เกี่ยวกับธุรกรรมการเงินส่วนตัวไปวางที่โต๊ะไหว้ เพื่อเสริมดวงเหมือนเปิดช่องทางให้โชคลาภการเงิน